วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564

"งานบำรุงรักษา" Forza 300 —> แก้ไขอาการผ้าเบรคสีกับจานดิสเบรค > ล้อมีเสียง, ล้อฝืด, จานเบรคร้อนผิดปกติ

 

D.I.Y. เซอร์วิสคาลิเปอร์เบรคหลัง


—> แก้ไขอาการผ้าเบรคสีกับจานดิสเบรค, ล้อมีเสียง, ล้อฝืด, จานเบรคร้อนผิดปกติ


- บางครั้งล้อหลังเกิดอาการฝืด หมุนไม่คล่อง 

- เช็คลูกปืนล้อตามจุดต่าง ๆ ก็แล้ว เปลี่ยนผ้าเบรคก็แล้ว ก็ยังไม่หาย...สาเหตุอาจมาจากจุดนี้ “สลักคาลิเปอร์เบรคฝืด”


- ซึ่งโดยปรกติแล้วคาลิเปอร์เบรค (หรือปั๊มเบรคล่าง) ทั้งล้อหน้าและล้อหลังสามารถให้ตัวไปมาได้ เพื่อให้ผ้าเบรคคลายตัวหรือให้ตัวได้ในจังหวะปล่อยเบรค 

- เมื่อสลักคาลิเปอร์เกิดอาการฝืดหรือไม่สามารถให้ตัวได้ จะทำให้ผ้าเบรคสีกับจานเบรค


- ต่อให้เปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ ไล่น้ำมันเบรคใหม่ หรือต่อให้เปลี่ยนจานเบรคใหม่ (เพราะบางคนคิดว่าจานเบรคคด) โดยที่ไม่ได้ถอดชุดคาลิเปอร์เบรคออกมาตรวจเช็ค ก็ไม่สามารถแก้อาการล้อฝืดได้


- หากท่านไหนพอมีเครื่องมือ และชอบทำรถเองสามารถตรวจสอบแก้ไขซ่อมแซมจุดนี้ได้ไม่ยากเลยครับ


1. ถอดท่อ และสายเซ็นเซอร์ O2 
2. ถอดน็อตยึดปั๊มเบรค 2 ตัว
3. ถอดน็อตยึดแผ่นเหล็กครอบสายเบรค และถอดน็อตยึดสายเบรคออก
4. ค่อยๆดึงคาลิเปอร์เบรคออกจากจานดิสเบรค
5. ขันน็อตล๊อคสลักคาลิเปอร์เบรคตัวใหญ่ออก แล้วใช้ wd40 ฉีดผ่านซีลยางเข้าไปที่แกนสลักคาลิเปอร์ทั้ง 2 อัน ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยๆดึงคาลิเปอร์ออกจากปั๊มเบรค
6. ทำความสะอาดคราบสกปรกที่แกนสลักและในรูสลักโดยใช้ wd40 ล้าง และขัดสนิมออกด้วยกระดาษทราย อย่าลืมทำความสะอาดซีลยางกันฝุ่นด้วย
7. ทำความสะอาดลูกสูบเบรคโดยใช้ wd40 ฉีดใส่ผ้าแล้วเช็ดทำความสะอาดลูกสูบและรอบๆลูกสูบให้สะอาด จากนั้นทาจาระบีบางๆที่ลูกสูบ แล้วดันกลับให้สุด
8. ทาจาระบีที่แกนสลักคาลิเปอร์ และอัดจาระบีในรูสลักพอประมาณ (หากมากเกินไปตอนประกอบกลับ มันจะดันล้นออกมา ก็ค่อยเช็ดออก) 

9. ในกรณีที่ผ้าเบรคสึกผิดปกติ เช่น กรณีของผมคือผ้าเบรคสึกข้างเดียวและเอียง ควรเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ด้วย จากนั้นประกอบคาลิเปอร์กับปั๊มเบรคเข้าด้วยกัน แล้วทำการประกอบกลับเข้าที่รถ

ปล. ควรใช้จาระบีสำหรับงานเบรค มันจะไม่ทำให้ซีลยางบวม หาซื้อได้ตามร้านอะไหล่ยนต์


----------------------------------------


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก 

โรงกลึงนานาชาติ - Nanachat Machine Shop (จังหวัดภูเก็ต)

รับงานกลึง งานมิลลิ่ง งานเชื่อม และงานดัดแปลง ซ่อม/สร้างชิ้นงานต่าง ๆ (D.I.Y.)
ใครมีไอเดียแต่ไม่รู้จะไปทำที่ไหนในภูเก็ต...เชิญมาปรึกษาได้ครับ

- ช่างอู๊ด -

โทร. 082 414 1035

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564

++งานซ่อม++ วิชา “จูนคาร์บู” : กรณีศึกษา : เครื่องตัดหญ้า

วิชา “จูนคาร์บู”

- กรณีนี้ เป็นการจูนคาร์บูเรเตอร์แบบลูกชักของเครื่องตัดหญ้า ที่มีนมหนูแค่ตัวเดียว คือ นมหนูหลัก (ไม่มีนมหนูเดินเบา+ไม่มีสกรูขันปรับอากาศที่ต้องขัน 1 รอบครึ่งอะไรพวกนั้น) แต่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับคาร์บูเรเตอร์ของรถมอเตอร์ไซค์ ที่มีนมหนูเดินเบาเพิ่มมาอีกตัวนึง+มีสกรูขันปรับอากาศ1รอบครึ่งได้ด้วย


-กรณีนี้ เราจะไม่ปรับตำแหน่งล็อคของเข็มลูกเร่งก่อน!! 

...แต่เราจะแนะนำให้จูนคาร์บูด้วยการ...

* * ตั้งระดับน้ำมันในถ้วยลูกลอยก่อนเป็นลำดับแรก * *



-ตำแหน่งล็อคของเข็มลูกเร่ง จะสัมพันธ์กับระดับน้ำมันในถ้วยคาร์บู (หรือจะเรียกว่าห้องลูกลอยก็ได้)

-ตามมาตรฐาน ตำแหน่งล็อคของเข็มเร่ง จะถูกตั้งมาให้อยู่ในระดับที่ 3 หรือตรงกลาง (แนะนำให้เริ่มตั้งเข็มล็อคในตำแหน่งตรงกลางก่อนจูน)

-ถ้าเครื่องใช้งานได้ดีตามปกติ สตาร์ทติดง่าย หัวเทียนมีสีน้ำตาลอิฐ เร่งไม่สะดุด ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนล็อคของเข็มลูกเร่งใหม่


-แต่ในคาร์บูเก่าๆ ถ้าใช้งานไปนานๆ จะเจอเหตุการณ์น้ำมันล้นออกทางท่อระบาย...หมายถึง ระดับน้ำมันในถ้วยคาร์บูเพิ่มขึ้น...ยิ่งระดับน้ำมันในถ้วยคาร์บูสูงเท่าไหร่...ยิ่งทำให้ส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมัน (a/f ratio) หนาขึ้นตามไปด้วย...ผลเสียคือ เครื่องจะมีอาการสตาร์ทติดยาก, หัวเทียนมักจะมีรอยฉ่ำของน้ำมัน, น้ำมันจะล้นหกเลอะเทอะ, สิ้นเปลืองน้ำมัน


-วิธีแก้คือ เราจะต้องดัดขาลูกลอย โดยถอดถ้วยคาร์บูออกมาก่อน แล้วจึงง้างขาลูกลอยออกทั้งสองข้างให้เท่าๆกัน (ตรงนี้ต้องประณีตมากๆ) เพื่อให้ระดับน้ำมันในลูกลอยลดต่ำลง


-จากนั้นก็ทดลองวัดระดับน้ำมันในถ้วยคาร์บู โดยใช้มือประคองถ้วยคาร์บูไว้ (ไม่ต้องขันน็อตก่อน)


-วัดระดับน้ำมัน2-3ครั้ง จนแน่ใจว่าระดับน้ำมันลดลงแล้ว จึงขันน็อตประกอบคาร์บูให้เรียบร้อย


**ถ้วยคาร์บูบางรุ่น จะมีมาร์คบอกระดับน้ำมันที่ถูกต้องไว้ข้างถ้วยแล้ว


-จากนั้น ทดลองสตาร์ทเครื่อง เร่งเครื่องแล้วสังเกตอาการ

-ถ้าเปิดคันเร่งแล้ววอด หรือหัวเทียนมีคราบสีขาวจางๆ ให้ปรับล็อคเข็มเร่ง “ลง” ครั้งละ 1 ล็อค สตาร์ทอีกครั้งแล้วสังเกตอาการ

-ถ้าหัวเทียนมีเขม่าสีดำ ให้ปรับเข็มเร่ง “ขึ้น” ครั้งละ 1 ล็อค สตาร์ทอีกครั้งแล้วสังเกตอาการ

-ระหว่างที่จูนคาร์บู ให้ขันสกรูปรับตั้งรอบเดินเบาตามความเหมาะสม


-สรุปแล้วการปรับเข็มลูกเร่ง อาจไม่ได้มีเพื่อใช้ให้เครื่องแรงขึ้น หรือให้เครื่องประหยัดน้ำมัน แต่ในกรณีนี้ใช้สำหรับปรับจูนส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศ (Air : Fuel Ratio หรือ A/F Ratio) ให้เครื่องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์ ทุกย่านกำลังของเครื่องยนต์


- ทั้งหมดนี้รวบรวมจากประสบการณ์ส่วนตัว อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2564

"งานบำรุงรักษา" ลองสร้างโปรแกรมตรวจเช็คตามระยะ Honda Jazz GK โดยใช้ Microsoft Excel


"โปรแกรมตรวจเช็คตามระยะ Honda Jazz GK"

โดยใช้ Microsoft Excel



- ใช้บันทึกประวัติการซ่อมบำรุงรถตามระยะทาง / ตามระยะเวลา
- ใช้ดูว่าเมื่อถึงระยะแล้ว จะต้องตรวจเช็คอะไร รายการไหนบ้าง
- เหมาะสำหรับรถที่ไม่ได้เข้าศูนย์บริการแล้ว
- อ้างอิงตารางการซ่อมบำรุงจากคู่มือผู้ใช้ ตามมาตรฐานศูนย์บริการฯ

*** (ขณะนี้ยังเป็น version ทดสอบ)




ใครสนใจ พิมพ์ e-mail ทิ้งไว้ใน comment นะครับ

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2564

"งานปรับแต่ง" แท่นชาร์จไร้สาย ติดรถยนต์ Honda Jazz GK

 

แนะนำการติดตั้ง แท่นชาร์จไร้สาย ติดรถ Honda Jazz GK รุ่นปี 2019

เป็น Wireless Charging ขนาด 10w. ราคา 265 บาท


อุปกรณ์และเครื่องมือที่ต้องใช้
1.ไขควงแฉก
2.มีดคัตเตอร์
3.หัวแปลงไฟสำหรับชาร์จ USB
4.ฟิวส์แท็ป หรือสายไฟแดงดำ ขนาด 0.75 mm.

วิธีการติดตั้ง
1.ให้ขันน็อตออก 1 ตัว ด้วยไขควงแฉก 
- สังเกตจะมีรูน็อตเล็กๆ อยู่ด้านบนช่องจ่ายไฟ 12V. (ช่องจุดบุหรี่)

2.ค่อยๆดึง "ฝาครอบช่องจ่ายไฟ 12V." ออกมา
- ถอดปลั๊ก สายไฟของช่องจ่ายไฟ 12V. ออก
- ถอดปลั๊ก สายไฟของเสาอากาศรีโมทออก (สำหรับรุ่นที่มีระบบ Push Start)

3.ขันน็อตที่ยึด "ช่องวางแก้วน้ำและช่องวางโทรศัพท์" ออกอีก 1 ตัว
- แล้วจับที่วางแก้วน้ำ ดึงขึ้นมาตรงๆ ถอดออกมาเพื่อจะนำไปเจาะรูข้างนอก


4.ใช้มีดคัตเตอร์ ค่อยๆกรีดจนทะลุ หรืออาจใช้ดอกสว่านขนาดเล็ก เจาะรูสำหรับสอดสาย USB ตามรูป

5.ตัดขอบของแท่นชาร์จไร้สายออก บริเวณมุมด้านบนทั้ง 2 เพื่อให้พอดีกับช่องวางโทรศัพท์มือถือติดรถ

6.นำ "ช่องวางแก้วน้ำและช่องวางโทรศัพท์มือถือ" กลับไปติดตั้งที่ตัวรถ
- สอดสาย USB ของแท่นชาร์จมาซ่อนไว้ด้านหลัง "ฝาครอบช่องจ่ายไฟ 12V." เพื่อความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย
- ติดตั้ง Fuse tab หรืออาจพ่วงสายไฟจาก ช่องจ่ายไฟ 12V. (ตามรูป) แล้วต่อเข้ากับ "หัวแปลงไฟสำหรับชาร์จ USB"
- กรณีของผมในรูป ใช้ "หัวแปลงไฟสำหรับชาร์จ USB" ซ่อนไว้ด้านหลังฝาครอบ โดยจะใช้เสียบชาร์จ "กล้องบันทึกภาพหน้ารถ" และเสียบชาร์จ "แท่นชาร์จไร้สาย"


7.ขันน็อตทั้ง 2 ตัวเข้าที่เดิม
-เสียบปลั๊ก สายไฟของช่องจ่ายไฟ 12V. กลับที่เดิม
-เสียบปลั๊ก สายไฟของเสาอากาศรีโมท (สำหรับรุ่นที่มีระบบ Push Start) กลับที่เดิม


-ชาร์จได้จริง ใช้งานสะดวกกว่าใช้สายชาร์จ ไม่เกะกะ
-ชาร์จไม่ช้า แต่ก็ไม่เร็วนัก เท่าที่ลองจับเวลาดู เฉลี่ยแล้วแบตมือถือจะเพิ่มขึ้นเปอร์เซ็นต์ละ3-5นาที (ขึ้นอยู่กับหัวแปลงไฟในรถที่ใช้ด้วย)
-ใช้ได้กับมือถือที่รองรับระบบชาร์จไร้สาย (มือถือที่ใช้เป็น iphone SE 2020) ส่วนรุ่นอื่นๆผมไม่มีข้อมูลครับ

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : ควรติดตั้งโดยผู้ชำนาญ ระวังไฟฟ้าลัดวงจร