หาดที่1 หาดพาราไดส์
เริ่มต้นจากวันนี้มีความคิดแค่อยากไปเซอร์เวย์หาดพาราไดส์ ชายหาดที่อยู่ใกล้ๆหาดป่าตอง เคยดูinformationมาบ้างคิดว่าคงจะเป็นหาดที่สวยหาดนึงที่หลายๆคนยังไม่รู้จักเท่าหาดป่าตอง ปรากฏว่าบ่ายสองครึ่งก็ควบรถเคร่องคันประจำออกจากบ้านขึ้นเขากะตะหรือเขานาคเกิดไปทางหาดกะตะ กะรน ป่าตอง ทั้งขึ้นเนินลงเนินชันเอาเรื่องอยู่แต่เราก็ไปเรื่อยๆตามสไตล์รถคุณปู่แต่ก็ถึงหาดแบบสบายๆแบบไม่ต้องลงเข็น C70 and Wave110i by Honda (น่าจะขอสปอนเซอร์ซักหน่อย อิอิ)
ไปถึงหาดแรกคือหาดพาราไดส์ ปรากฏว่าอย่างที่เห็นในภาพ เป็นธุรกิจไปซะหมด ป้ายก็เขียนชัดว่าค่าจอดรถเครื่องคันละ20บาท แต่โชคดีที่เราไม่ได้เสียค่าที่จอดรถ ลงไปเดินถ่ายรูปได้แป๊บนึงก็ลองเดินไปถามที่ป้อมเก็บค่าบริการค่าเข้าหาด ถามเขาว่า"ขอเข้าไปถ่ายรูปได้มั้ยครับ" เขาก็ตอบกลับมาแบบนิ่มๆว่า "ถ้าเข้าไปก็ต้องจ่ายเงินก่อนล่ะครับ" ซึ่งที่ป้ายเขียนไว้ว่าคนละ100บาท WTF! "
แต่ถ้าจะเข้าไปตกปลาก็คงให้แต่คนพื้นที่นะครับ" สรุปพวกเราก็ไม่ได้เข้าไปเหยียบหาดพาราไดส์เลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่เก็บภาพบรรยากาศทางเข้าเอาไว้เป็นที่ระทึก!
แล้วเราก็ขี่รถต่อไปเซอร์เวย์ตามทางเรื่อยๆ เจอพื้นที่ส่วนบุคคลบ้างไรบ้าง ทำให้ตั้งคำถามในใจอยู่ตลอดเวลาว่า ที่ดินหน้าหาดเดี๋ยวนี้มีเจ้าของกันหมดแล้วหรอ? ขี่รถไปไต่เนินชันๆไปเรื่อยๆ แต่เกียร์1ของรถคุณปู่ยังเร่งได้สบายๆ แค่ครึ่งคันเร่งของ70cc. เรียกได้เลยว่าแรงยังเหลืออีกเยอะ
หมดไป1หาด หาดพาราไดส์(สะกดอย่างงี้นะ) หาดต่อไป หาดไตรตรัง...
หาดที่2 หาดไตรตรัง
หาดไตรตรังเป็นหาดเล็กๆที่อยู่ถัดจากหาดป่าตอง ถ้าเดินตามชายหาดไปเรื่อยๆก็จะเจอหาดพาราไดส์ แม่เล่าว่าสมัยก่อนถ้าน้ำลงนี่เดินไปถึงหาดพาราไดส์แม่เคยเดินไปถึง(ตอนยังวัยรุ่น)แต่ตอนนี้ก็คงกลายเป็นรุ่นใหญ่ไปซะแล้วอ่านะ
เดินลงไปก็เจะเจอหาดเหมือนกับเป็นขี้เลน หาดหิน คิดในใจว่าหาดนี้มันคงไม่ดังเพราะไม่สวยล่ะมั้ง เดินไปพลางเก็บภาพไปพลางแซวกันเล่นๆกับเพื่อนว่าไม่แน่เดินกลับไปอีกทีนึงรถที่จอดไว้หายแล้ว! เหอะๆ ก็แค่กลัวกันไปเดินไปเรื่อยๆเจอหินก้อนใหญ่ๆ เจอซากปะการังสีขาวกองใหญ่ มีธารน้ำไหลลงมาจากที่สูงลงทะเล ชิมๆดูก็รู้ว่ามันเป็นน้ำจืด แต่ไม่รู้ว่าสะอาดดีรึปล่าวนะ มองไปข้างบนลำธารก็เจอกะท่อมหลังนึง มีป้ายเขียนตามแนวดินว่า ที่ดินส่วนบุคคลห้ามบุกรุก
ปะการังเขากวาง |
ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ มองภาพกว้างๆบรรยากาศตอนน้ำลงจะเห็นปะการังสีเขียวๆที่เกาะอยู่บนหิน บางชนิดก็แข็งๆเหมือนหิน เรียกไม่ค่อยถูกเหมือนกัน แล้วก็มีปะการังเขากวาง ใต้ก้อนหิน ปะการังพวกนี้มีสัตว์นานาชนิดหลบซ่อนตัวเยอะแยะ
ปลาไหลมอเร่(หมาหลง) |
ดาวขน |
ปลิงทะเล
ปูกา
ปู...
เม่นทะเลหอยแล้วก็ปูอีกหลายชนิด หลายๆอย่างก็ไม่เคยเจอมาก่อน บางอย่างที่เคยเห็นในหนังสือก็ได้เจอตัวจริงที่นี่แหละ ถือว่าหาดไตรตรังนี่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ใช้ได้ มีชาวบ้านบางส่วนมาตกปลาเดินเก็บหอยตามประสาคนเจ้าถิ่น
จากหาดไตรตรังมองออกไปข้างหน้าก็จะเห็นหาดป่าตองกว้างๆ หาดกมลา แหลมสิงห์ แต่ส่วนใหญ่ตามเนินเขาก็จะเห็นโรงแรม สิ่งปลูกสร้างซะเยอะ
ภูเขาบางลูกมีรอยถนนตัดขึ้นเขาชันคล้ายรอยดินโคลนถล่ม ส่วนที่ดินหน้าหาดไตรตรังส่วนใหญ่เป็นของโรงแรมและรีสอร์ท บรรยากาศที่นี่ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเป็นพิเศษ คนน้อย เงียบๆ ฟังเสียงคลื่นซัดเป็นระรอกๆ
ปะการังบางส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่ |
นั่งดื่มด่ำบรรยากาศกันซักพักใหญ่เราก็เดินกลับไปที่จอดรถเครื่อง ยังเห็นมันจอดอยู่ที่เดิม รู้สึกโล่งใจ ควบมัน แล้วก็ขี่ไปหน้าหาดป่าตองต่อไปเป็นหาดที่สามของทริปนี้...
หาดที่3 หาดป่าตองนี้เรียกว่าชะโงกจริงๆ เพราะว่าหลังจากที่เราลงเขามาจากหาดไตรตรัง ข้ามสะพานข้ามคลองลงมาถึงวงเวียนหน้าโรงแรมเมอร์ลินบีชรีสอร์ท ป่าตอง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกคนละshot ก่อนจะแยกย้ายกันไป ณ เวลา16.38น.
หาดที่3 หาดป่าตอง
ซอยบางลา ป่าตอง |
หาดที่3 หาดป่าตองนี้เรียกว่าชะโงกจริงๆ เพราะว่าหลังจากที่เราลงเขามาจากหาดไตรตรัง ข้ามสะพานข้ามคลองลงมาถึงวงเวียนหน้าโรงแรมเมอร์ลินบีชรีสอร์ท ป่าตอง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกคนละshot ก่อนจะแยกย้ายกันไป ณ เวลา16.38น.
แวะถ่ายรูปหน้าอ่าวป่าตองก่อนจะแยกย้ายกัน |
กอล์ฟไปออกทางกะทู้ ผมออกไปทางหาดกะรนเหมือนขามา เวียนเข้าไปในซอยบางลาก่อนที่ถนนจะปิดเป็นwalking streetกลางคืนเพื่อไปออกสาย2ป่าตอง ขึ้นเขายาว5กิโลเมตรข้ามเขตอำเภอกะทู้ไปอำเภอเมือง มองเห็นโรงแรมLe Merdienอย่างหรู5ดาว พื้นที่หน้าโรงแรมติดชายหาดสีเขียวใสมองเห็นแต่ไกลแต่ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะตรงนั้นรถเยอะมากอันตราย ขี่รถเครื่องใช้แค่3เกียร์ 1-2-3 วนมันไปเรื่อยๆ อาจจะช้ากว่าคันอื่นหน่อยก็ชิดซ้ายหลบให้คันอื่นเขาแซงกันไป
แค่ไม่กี่นาทีก็ถึงหาดกะรน...
หาดที่4 หาดกะรน
หาดนี้แทบจะขี่ผ่านไปเลยแหละ หยุดพักถ่ายรูปข้างทางบางจุดแล้วก็ขับผ่านบนถนนหน้าหาดช้าๆ สิ่งแรกที่เป็นLand markของกะรนก็คือวงเวียนกะรน หรือชื่อจริงเต็มๆว่า"วงเวียนกะรนราษฎร์สุขสันต์" เป็นรูปปั้นบรรพบุรุษของคนกะรนสมัยก่อนที่สื่อถึงอาชีพสมัยก่อนของคนแถวนี้ ซึ่งแต่เดิมเป็นชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา ชาวประมง เป็นวงเวียนน้ำพุที่มีรูปปั้นพวกนี้ไว้เพื่อรำลึกถึงคนสมัยก่อน
ข้างๆวงเวียนก็จะมีKaron Park ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นที่ๆเปิดตลาดนัดเล็กๆ แล้วก็เป็นลานสาธารณะไว้จัดงานตามเทศกาลต่างๆของปี ขี่รถไปเรื่อยๆตรงกึ่งกลางของหาดก็จะมองเห็นรูปปั้นพญานาคหน้าหาดอยู่ติดริมคลอง ไม่ทราบที่มาที่ไปของพญานาคเหมือนกันว่าเป็นมายังไงแต่ก็เป็นLand markของหาดกะรนไปอีกจุดนึง
แต่จะว่าไปแล้วก็ลืมถ่ายรูปไปเลย ตอนนั้นคงจะขี่รถเพลินไปหน่อย จำได้ว่าหยิบกล้องออกมาอีกทีตอนที่จะถ่ายดวงอาทิตย์ริมหาด ช่วงนี้ถ่ายน้อยมาก ผ่านไดโนพาร์คสนามกอล์ฟเทียมในสวนไดโนเสาร์ โรงพัก สนามกีฬากะรน จกระทั่งไปทะลุหาดถัดไปคือหาดกะตะ...
นี่ก็หาดที่5แล้วของวันนี้ หาดกะตะจริงๆมีสองหาด คือหาดกะตะน้อย กับหาดกะตะ แต่วันนี้ไม่ได้ไปกะตะน้อย ขับเวียนเข้าไปทางถนนหน้าหาดกะตะที่อยู่ระหว่างclub mateกับชายหาดยาวๆ มองไปข้างหน้าหาดมีเกาะอยู่เกาะนึงชื่อเกาะปู เห็นเกาะเล็กๆไม่มีคนอาศัยอยู่ ที่นี่หยุดรถพักเครื่องไปด้วยแป๊บนึง ยืดเส้นยืดสายบ้างแก้เมื่อยซัก3นาที มองนาฬิกาเพิ่งจะ5โมง8นาที แต่ในใจก็กลัวว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพไม่ทันไม่นานนักก็เลยขี่รถเครื่องไปต่อ ออกจากถนนหน้าหาดไปได้ไม่เท่าไหร่หันไปเห็นwater skiหลังเทศบาล ก็เลยชะโงกหยุดถ่ายรูปแป๊บนึง
ดูฝรั่งวาดลีลาบนคลื่นเทียมกัน เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปOfficeเทศบาลตำบลกะรนหลังใหญ่เอาไว้
หลังจากที่ลงเนินเขาป่าตองลงมาผ่านมาหน้าหาดกะรน-กะตะแทบจะไม่ได้เจอเนินชันๆเลย แต่หลังจากนี้ตรงทางขึ้นไปจุดชมวิวสามอ่าวจะเป็นเนินที่ชันมากๆ เนินนี้ขาลงเคยทำสถิติปั่นจักรยานเร็ว76km/h นับว่าเร็วที่สุดในชีวิตที่เคยไว้ก็ว่าได้ หรือแปลว่ามันโครตๆชันเลยดูจากรูปก็พอจะเห็นว่ามันชันมากๆ ขับไปถ่ายไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงุดชมวิวสามอ่าว...
หาดที่6 จุดชมวิว3อ่าว
ไต่เนินไปเรื่อยๆ ใช้เกียร์1ลากไปเรื่อยๆผลัดกับเกียร์2บ้าง ใช้คันเร่งไม่เกิน3/4ของครึ่งคันเร่งในการลากแต่ละเกียร์ ความเร็วก็ตามภาพไม่เกิน20km/h กับรถอายุ34ปีอย่าไปเร่งมันมากตามทางริมเขาไม่มีบ้านเรือน มีแต่ต้นไม้กับวิวทะเลกว้างๆ เห็นแสงดวงอาทิตย์ของทิศตะวันตก
ใกล้ๆแถวนั้นจะมีปางช้างอยู่หลายเจ้า ขี่รถสวนทางกับช้างเป็นระยะๆ ขี่ไปเรื่อยๆก็ถึงจุดชมวิวสามอ่าว กะตะน้อย-กะตะ-กะรน หยุดถ่ายรูปกับจุดชมวิว
หยุดพักไม่เกิน5นาทีก็ขี่ต่อไปทางถนนกะตะ-ไสยวน ไปทางหาดในหาน แต่คราวนี้ไม่ได้แวะอีกหาดนึงที่ขี่ผ่านคือหาดนุ้ย ซึ่งเป็นพื้นที่ส่นบุคคลอีกที่นึงที่ทำประตูกั้นเอาไว้ไม่ให้คนนอกเข้าไปบุกรุกในพื้นที่ชายหาดของเขาซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ตท่านหนึ่ง ถ้าจะเข้าไปต้องจ่ายเงินค่าผ่านทาง
ถือว่าเป็นจุดที่สองต่อจากหาดกะตะน้อยที่ไม่ได้แวะเข้าไปถ่ายรูปหน้าหาดมาในทริปนี้ แล้วก็ขี่รถมุ่งหน้าต่อไปยังหาดในหาน...
ลงเขามาจากจุดชมวิว ขี่รถใช้เกียร์ต่ำเพื่อใช้engine breakแทนการใช้ผ้าเบรคขณะลงเขา ช่วยลดภาระการทำงานของเบรคและลดความร้อนที่เกิดจากการเบรครุนแรงเป็นเวลานานๆ
ขี่รถมาเรื่อยๆผ่านย่านชุมชนซอยใสยวน มีทั้งบ้านคนทั้งบาร์ฝรั่งนั่งดริ๊งค์ ขี่จนกระทั่งไปออกหนองหาน
รอบๆหนองหานอากาศดีมีคนมาออกกำลังกายกันเป็นประจำ ทั้งวิ่ง ทั้งปั่นจักรยาน นั่งพักผ่อนตามต้นไม้ เล่นฟุตบอล หยุดแวะถ่ายรูปได้แป๊บเดียวก็รีบขี่รถขึ้นไปบนเขาแดง กังหันลมต่อ...
ที่นี่นับเป็นจุดที่7.5เพราะไม่ได้เป็นหาดทราย มีแต่หน้าผาชันกับปลายแหลมหิน จริงๆหลายคนไม่รคุ้นชื่อเขาลูกนี้ซักเท่าไหร่ ชื่อนี้ก็เพิ่งจะได้ยินเค้าเล่าต่อๆกันมาอีกทีนึง ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็เรียกกันเองภาษาบ้านๆว่าเขากังหันลม ตามทางขึ้นเขาแดงไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งแต่ว่าอัดวิดีโอเอาไว้ ถ่ายเก็บไว้ดู ได้อรรถรสไปอีกแบบนึง
จริงๆที่เขาแดงเคยมาถ่ายรูปแล้วหลายๆครั้ง ที่นี่บรรยากาศดีแต่หลังๆคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ที่จอดรถแน่นอยู่พอสมควรแต่ก็ยังน้อยกว่าบนแหลมพรหมเทพ บางครั้งก็เจอถ่ายpre weddingแต่มาวันนี้เจอคนกระโดดร่มอีกแล้ว กระโดดไม่ธรรมดาซะด้วย แบบว่าขี่หลังกันกระโดด2คน เป็นขาประจำที่มากระโดดอยู่ที่นี่
หาดที่5 หาดกะตะ
นี่ก็หาดที่5แล้วของวันนี้ หาดกะตะจริงๆมีสองหาด คือหาดกะตะน้อย กับหาดกะตะ แต่วันนี้ไม่ได้ไปกะตะน้อย ขับเวียนเข้าไปทางถนนหน้าหาดกะตะที่อยู่ระหว่างclub mateกับชายหาดยาวๆ มองไปข้างหน้าหาดมีเกาะอยู่เกาะนึงชื่อเกาะปู เห็นเกาะเล็กๆไม่มีคนอาศัยอยู่ ที่นี่หยุดรถพักเครื่องไปด้วยแป๊บนึง ยืดเส้นยืดสายบ้างแก้เมื่อยซัก3นาที มองนาฬิกาเพิ่งจะ5โมง8นาที แต่ในใจก็กลัวว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพไม่ทันไม่นานนักก็เลยขี่รถเครื่องไปต่อ ออกจากถนนหน้าหาดไปได้ไม่เท่าไหร่หันไปเห็นwater skiหลังเทศบาล ก็เลยชะโงกหยุดถ่ายรูปแป๊บนึง
ดูฝรั่งวาดลีลาบนคลื่นเทียมกัน เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปOfficeเทศบาลตำบลกะรนหลังใหญ่เอาไว้
หาดที่6 จุดชมวิว3อ่าว
ไต่เนินไปเรื่อยๆ ใช้เกียร์1ลากไปเรื่อยๆผลัดกับเกียร์2บ้าง ใช้คันเร่งไม่เกิน3/4ของครึ่งคันเร่งในการลากแต่ละเกียร์ ความเร็วก็ตามภาพไม่เกิน20km/h กับรถอายุ34ปีอย่าไปเร่งมันมากตามทางริมเขาไม่มีบ้านเรือน มีแต่ต้นไม้กับวิวทะเลกว้างๆ เห็นแสงดวงอาทิตย์ของทิศตะวันตก
โค้งงามๆ บนถนนลาดยางใหม่ |
ถือว่าเป็นจุดที่สองต่อจากหาดกะตะน้อยที่ไม่ได้แวะเข้าไปถ่ายรูปหน้าหาดมาในทริปนี้ แล้วก็ขี่รถมุ่งหน้าต่อไปยังหาดในหาน...
หาดที่7 หาดในหาน
บนถนนสายรอบเกาะ |
ขี่รถเวียนชมบรรยากาศรอบหนองหาน1รอบ |
หาดที่7.5 เขาแดง แหลมพรหมเทพ
จริงๆที่เขาแดงเคยมาถ่ายรูปแล้วหลายๆครั้ง ที่นี่บรรยากาศดีแต่หลังๆคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ที่จอดรถแน่นอยู่พอสมควรแต่ก็ยังน้อยกว่าบนแหลมพรหมเทพ บางครั้งก็เจอถ่ายpre weddingแต่มาวันนี้เจอคนกระโดดร่มอีกแล้ว กระโดดไม่ธรรมดาซะด้วย แบบว่าขี่หลังกันกระโดด2คน เป็นขาประจำที่มากระโดดอยู่ที่นี่
พอเสร็จแล้วก็ลงไปจากเขาแดงไปแหลมพรหมเทพ ผ่านหาดยะนุ้ย(ซึ่งไม่ได้หยุดถ่ายรูปอีกตามเคย)เป็นหาดเล็กๆระหว่างเขาแดงกับเขาแหลมพรหมเทพ จะมองเห็นได้จากเขาแดงและแหลมพรหมเทพ ขี่รถผ่านที่จอดรถข้างบนแหลมพรหมเทพแล้วรู้สึกว่าวันนี้รถทัวร์เยอะมาก ก็เลยเปลี่ยนแผนไปถ่ายรูปปลายแหลมอีกที่นึงดีกว่าที่ๆไม่มีคนไปแออัดกัน
ชอบมุมนี้มาก จอดรถแล้วลงเดินแค่50เมตรก็ถึงแล้ว สบายมั๊กๆ |
มาอยู่ที่ตรงนี้รู้สึกว่าได้มุมมองที่ดูแปลกตาดีไปอีกแบบไม่เหมือนใคร เงียบๆสงบๆ มองไปทางซ้ายเห็นเกาะแก้วพิศดารกับพระพุทธูปองค์ใหญ่ มองไปแหลมพรหมเทพเห็นแสงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไปตรงปลายแหลมพอดี
เกาะแก้วพิศดาร มองไปแล้วจะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่บนเกาะ |
ระหว่างเดินไปที่รถก็เจอตั๊กแตนใบไม้ รีบถ่ายเก็บไว้แบบเบลอๆ |
ก่อนกลับไหว้อธิษฐานขอพรเจ้าแม่กวนอิมให้การเดินทางที่เหลือแคล้วคลาดปลอดภัยด้วย หลังจากนี้เริ่มค่ำมืดแล้ว หาดต่อไปคือหาดราไวย์...
หาดที่8 หาดราไวย์
ลงมาจากแหลมพรหมเทพเวลา18.15น. แสงน้อยถ่ายรูปยากมากๆ ส่วนใหญ่ที่ถ่ายมาภาพเสียหลายรูป เหลือแต่รูปที่คัดไว้2รูปของหาดราไวย์
มาหยุดถ่ายรูปที่กม.0 ราไวย์ซักหน่อย |
เอกลักษณ์ของหาดราไวย์ก็คือมีเกาะบอนอยู่หน้าหาดราไวย์ ข้างหน้าหาดมีเรือหางยาวและเรือspeed boatจอดเรียงรายกันหน้าชายหาด ด้วยลักษณะของหาดราไวย์ที่อยู่ใกล้กับหมู่เกาะบริวาร ทำให้หาดราไวย์ตื้นเขินไม่ลึกเหมือนกับพวกหาดในหาน หาดป่าตอง
แถวนี้แนะนำร้านอาหาร2ร้าน รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ร้านแรกร้านแม่คล่องทั้ง2สาขา อีกร้านก็ศาลาลอยซีฟู๊ด วันนี้ยังไม่ขอพูดถึงมากเท่าไหร่เพราะเน้นรีวิวเรื่องขี่รถเที่ยวนะฮะ ชายหาดราไวย์เป็นที่นิยมของครอบครัวในวันหยุด มักจะเห็นผู้คนมานั่งปูเสื่อปล่อยลูกๆขุดทรายเล่นน้ำทะเลกัน
ในรูปฝั่งซ้ายคือสะพานราไวย์(ที่สร้างด้วยงบประมาณสนับสนุนจากประทศญี่ปุ่น)เอาไว้เพื่อการท่องเที่ยว เป็นท่าเทียบเรือ แล้วก็เป็นผลพลอยได้กับบรรดานักตกปลาทั้งหลาย ถัดจากสะพานราไวย์ก็จะเห็นวิถีชีวิตของชาวเลที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆให้เห็นอยู่บ้าง มีแผงขายปลาสดที่เพิ่งเอาขึ้นมาจากเรือ มีร้านขายของฝากเรียงกัน ถัดไปก็จะเป็นแหลมกาใหญ่ที่กั้นระหว่างฝั่งอ่าวฉลองกับฝั่งหาดราไวย์เอาไว้ หลังจากจุดนี้ เราจะขี่รถเครื่องขับต่อไปยังหาดที่9ของทริปชะโงก คือหาดมิตรภาพ…
เป็นหาดที่ไม่ได้โด่งดังหรือว่าน่ามาเที่ยวเลย ยิ่งโดยเฉพาะเวลาโพล้เพล้ อย่างงี้ หึหึ หาดมิตรภาพอยู่ติดกับกูโบร์ หรือว่าสุสานมุสลิม ที่ไม่ได้ถ่ายรูปติดกูโบร์มาก็เพราะว่ากลัวจะเจอของแถมไรงี้ ฮ่าๆๆ
หาดที่9 หาดมิตรภาพ
ระหว่างทางเข้าหาดก็มีพวกกองขยะส่วนนึงที่เทศบาลเอามาคัดแยกฝังกลบเอาไว้บางส่วนที่นี่ ตอนไปหาดก็เจอคนกำลังเก็บเศษขยะจากกองขยะแล้วก็กำลังเผาขยะไปพลางๆ นอกนั้นก็มีบ่อเลี้ยงกุ้ง มีห้องแถวแยกไปใซอยย่อยๆก่อนจะถึงหน้าหาด เมื่อก่อนเครียดๆเคยมาที่นี่บ่อยๆกลางวัน นั่งใต้ต้นไม้ร่มๆสงบดีเหมือนกัน ด้านซ้ายมองเห็นอ่าวฉลอง ข้างหน้ามองเห็นเกาะโหลน ด้านขวามองเห็นแหลมกาน้อย จากตรงนั้นไปแหลมกาน้อยใช้เวลาเดินไปไม่มากก็ถึง
เท่าที่ไปมาทั้งหมด หาดนี้เจ้าที่แรงสุดล่ะ อิอิ ว่างๆก็ลองไปกันดูสิ ไปค่ำๆอย่างงี้ด้วยนะ กล้าป่าว?
สุดท้ายของทริปนี้สุดที่อ่าวฉลอง ณ เวลา18.40น.
- ใช้ระยะทางทั้งหมดวันนี้ประมาณ60km.
- เติมน้ำมันgasohal91 e10 ไปประมาณ45บาท
- กินน้ำมันไป1ลิตรกว่าๆ (ประมาณ1.2ลิตร)
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่50km/L
- ความเร็วสูงสุด ไม่เกิน65km/h
- การบิดคันเร่ง ไม่เกิน3/4ของคนเร่ง
- เวลาที่ใช้เดินทาง4ชั่วโมงครึ่งรวมหยุดพัก
- บนเส้นทางขึ้นเขา ลงเขา ทางลาดชันและถนนปกติ - ถือว่ารถอายุ34ปีทำได้เกินคาดจริงๆ เครื่องยนต์72cc. ระบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่ได้มีการปรับแต่งดัดแปลงเครื่องยนต์เพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น ขับขี่ด้วยสติและความระมัดระวัง
ทั้งนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักพ่อ-แม่ (อนาคตถ้าเป็นไปได้ ขอให้เป็น AP Honda) ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทาง หวังว่าคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอ่านทัวร์ชะโงก10หาดทุกคนได้ออกไปเที่ยวกันอย่างมีความสุข ประหยัด และปลอดภัย
***รูปเพิ่มเติมที่เคยถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ที่อ่าวฉลอง
หาดที่10 อ่าวฉลอง
แชะสะพานท่าเรืออ่าวฉลองไว้รูปเดียว ต้องรีบขอตัวกลับก่อน ที่บ้านรอกินข้าวแล้ว |
สุดท้ายของทริปนี้สุดที่อ่าวฉลอง ณ เวลา18.40น.
- ใช้ระยะทางทั้งหมดวันนี้ประมาณ60km.
- เติมน้ำมันgasohal91 e10 ไปประมาณ45บาท
- กินน้ำมันไป1ลิตรกว่าๆ (ประมาณ1.2ลิตร)
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่50km/L
- ความเร็วสูงสุด ไม่เกิน65km/h
- การบิดคันเร่ง ไม่เกิน3/4ของคนเร่ง
- เวลาที่ใช้เดินทาง4ชั่วโมงครึ่งรวมหยุดพัก
- บนเส้นทางขึ้นเขา ลงเขา ทางลาดชันและถนนปกติ - ถือว่ารถอายุ34ปีทำได้เกินคาดจริงๆ เครื่องยนต์72cc. ระบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่ได้มีการปรับแต่งดัดแปลงเครื่องยนต์เพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น ขับขี่ด้วยสติและความระมัดระวัง
ทั้งนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักพ่อ-แม่ (อนาคตถ้าเป็นไปได้ ขอให้เป็น AP Honda) ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทาง หวังว่าคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอ่านทัวร์ชะโงก10หาดทุกคนได้ออกไปเที่ยวกันอย่างมีความสุข ประหยัด และปลอดภัย
***รูปเพิ่มเติมที่เคยถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ที่อ่าวฉลอง
miror effect |
อ่าวฉลองยามเช้า นั่งมองเด็กๆเล่นทราย |
อ่าวจอดชื่อดังของภูเก็ต เรือหางยาวจอดกันเรียงราย |
คืนพระจันทร์เต็มดวง กับสะพานท่าเรืออ่าวฉลอง |